การถ่ายภาพเคอร์เลียน

การถ่ายภาพเคอร์เลียน (Kirlian photography) คือ ชุดของเทคนิคการถ่ายภาพที่ใช้ในการจับภาพของปรากฏการณ์โคโรนา หรือ การปล่อยประจุแบบโคโรน่าทางไฟฟ้า มันเป็นชื่อนามสกุลคำหลังของนาย เซมยอน เคอร์เลียน (Semyon Kirlian) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ค้นพบวิธีการนี้โดยบังเอิญในปี ค.ศ. 1939 โดยเขาพบว่าถ้าวัตถุที่วางอยู่บนแผ่นเพลตสำหรับถ่ายภาพถูกเชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดแรงดันไฟฟ้าแรงสูง, ภาพของวัตถุจะถูกถ่ายภาพออกมาได้บนแผ่นเพลตสำหรับถ่ายภาพ [1] เป็นเทคนิควิธีการที่รู้จักกันหลากหลายลักษณะต่าง ๆ กันมากมายที่มีชื่อเรียกกัน เช่น "ภาพถ่ายทางไฟฟ้า" (electrography), [2] "เทคนิคการถ่ายภาพด้วยไฟฟ้า" (electrophotography), [3] "เทคนิคการถ่ายภาพการปล่อยประจุแบบโคโรน่า" (corona discharge photography) (CDP), [4] "การถ่ายภาพทางไฟฟ้าชีวะ" (bioelectrography), [5] "การสร้างภาพการปล่อยประจุก๊าซ" (gas discharge visualization) (GDV), [6] "การสร้างภาพทางไฟฟ้าเชิงแสง" (electrophotonic imaging) (EPI), [7] และ, ในวรรณกรรมรัสเซีย, "ภาพถ่ายเคอร์เลียน" เป็นต้น
การถ่ายภาพเคอร์เลียน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประเด็นหัวข้อเรื่องของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์กระแสหลัก, การวิจัยทางด้านปรจิตวิทยา (parapsychology) (ตามความรู้สึกของคนไทยเรา มันมักจะหมายถึงเรื่อง "พลังจิต") และทางด้านศิลปะ
ภาพรวม
[แก้]



การถ่ายภาพเคอร์เลียนเป็นเทคนิคการสร้างภาพถ่ายของวัตถุโดยใช้ไฟฟ้าแรงสูงส่งผ่านแผ่นฟิล์มที่อยู่เหนือแผ่นเหล็กสำหรับการคายประจุและอยู่ติดกับวัตถุที่ถูกถ่ายภาพ กระแสไฟฟ้าแรงสูงจะถูกจ่ายเป็นระยะเวลาสั้นๆไปยังแผ่นเหล็ก ทำให้เกิดภาพที่เกิดจากการปรากฏการณ์โคโรนาระหว่างวัตถุกับแผ่นเหล็กถูกถ่ายทอดลงฟิล์มที่อยู่ระหว่างกลางกลายเป็นภาพถ่ายเคอร์เลียน
โดยปกติ ฟิล์มถ่ายภาพสีจะถูกปรับไว้ให้ได้ภาพที่สมจริงในสภาวะแสงปกติ ปรากฏการณ์โคโรนาจะมีปฏิสัมพันธ์ชั่วขณะกับแต่ละชั้นแผ่นแม่สีของฟิล์มที่แตกต่างกันไป อันจะทำให้สีที่ได้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการคายประจุ[4] ทั้งฟิล์มและเทคนิคการถ่ายภาพแบบดิจิตอลล้วนบันทึกภาพจากโฟตอนที่ถูกปล่อยออกมาจากปรากฏการณ์โคโรนา(โปรดดู กลศาสตร์ของปรากฏการณ์โคโร).
ภาพถ่ายจากสิ่งไม่มีชีวิตเช่นเหรียญ กุญแจ หรือใบไม้ สามารถสร้างภาพอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยต่อทางไฟฟ้ากับสายดินลงพื้นดิน ในท่อน้ำเย็นหรือขั้วตรงข้ามของแหล่งไฟฟ้าแรงสูงที่จ่ายให้วัตถุ อันจะทำให้ปรากฏการณ์โคโรนารุนแรงยิ่งขึ้น[8]
การถ่ายภาพเคอร์เลียนไม่จำเป็นต้องใช้กล้องหรือเลนส์เพราะแผ่นรับภาพสัมผัสกับวัตถุโดยตรง จึงสามารถใช้แผ่นตัวนำโปร่งแสงวางคั่นกลางระหว่างวัตถุกับแผ่นเหล็กเพื่อให้สามารถบันทึกภาพด้วยกล้องถ่ายรูปหรือกล้องวิดิโอได้[9]
นักศิลปะการถ่ายภาพเช่น Robert Buelteman,[10] Ted Hiebert,[11] และ Dick Lane[12] เคยถ่ายภาพเคอร์เลียนเพื่อสร้างภาพถ่ายทางศิลปะของวัตถุหลากหลายชนิด นักถ่ายภาพเคอร์เลียน Mark D. Roberts ผู้ทำงานกับภาพถ่ายเคอร์เลียนมานานกว่า 40 ปี ได้เผยแพร่ชุดผลงานของภาพถ่ายพืชโดยใช้ชื่อว่า "Vita occulta plantarum" หรือ "ความลับแห่งชีวิตของพืช" ซึ่งจัดแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2012 ที่พิพิธภัณฑ์แบ็คเค็นในมินเนทาโพลิส
การวิจัย
[แก้]การถ่ายภาพเคอร์เลียน ได้ถูกจัดให้เป็นหัวใจหลักในเรื่องของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์, การวิจัยทางด้านจิตศาสตร์ซึ่งมีสาขาเฉพาะทางที่เรียกว่าวิชา "ปรจิตวิทยา" ซึ่งพวกเราคนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า "พลังจิต" (parapsychology research) และการกล่าวอ้างเกี่ยวกับเรื่องราวของ วิทยาศาสตร์เทียม (pseudoscientific)[13][14] ส่วนใหญ่ของการวิจัยทางด้านนี้ ได้ถูกริเริ่มดำเนินการขึ้นเมื่อราวประมาณกลางศตวรรษที่ 20 ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยอดีตของโลกทางฝ่ายกลุ่มตะวันออก (Eastern Bloc) ก่อนการสิ้นสุดลงของสงครามเย็น (cold war) และยังไม่ได้ถูกยกระดับขึ้นเพื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวดของโลกฝ่ายตะวันตก [ต้องการอ้างอิง]
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์
[แก้]จากผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1976 ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพเคอร์เลียนของเนื้อเยื่อที่ยังมีชีวิต (จากปลายนิ้วของมนุษย์) พบว่าส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงในความยาวของลำแสงของการปล่อยแบบโคโรนา, ความหนาแน่น, ความโค้งงอ และ สี สามารถถูกพิจารณาได้โดยสภาพความชื้นบนพื้นผิวและภายในของเนื้อเยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่เหล่านั้น[15] นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกเหนือจากในสหรัฐอเมริกา ต่างก็ได้ดำเนินการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

คอนสแตนติน โครอทคอฟ (Konstantin Korotkov) ได้พัฒนาเทคนิคคล้ายกับการถ่ายภาพเคอร์เลียน เรียกว่า "การสร้างภาพการปล่อยประจุของก๊าซ" (gas discharge visualization) (GDV) [16][17][18] ระบบกล้องโครอทคอฟ GDV (Korotkov's GDV camera system) ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จะบันทึกข้อมูลโดยตรง, เพื่อทำการประมวลผลและแปลความหมายของภาพ GDV ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ของโครอทคอฟ ได้โฆษณาส่งเสริมอุปกรณ์และการวิจัยของเขาในบริบททางการแพทย์ [19][20] อิซาเบลลา ไชสิเอลสกา (Izabela Ciesielska) แห่งสถาบันสถาปัตยกรรมสิ่งทอในประเทศโปแลนด์ ได้ใช้กล้องโครอทคอฟ GDV เพื่อประเมินผลกระทบของการสัมผัสของมนุษย์กับสิ่งทอต่าง ๆ เกี่ยวกับปัจจัยทางชีวภาพ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต, ตลอดจนถึงภาพถ่ายการปล่อยประจุแบบโคโรน่า การทดลองดังกล่าวได้บันทึกภาพการคายประจุโคโรนาของปลายนิ้วของผู้เข้ารับการทดสอบในขณะที่ผู้เข้ารับการทดสอบสวมปลอกแขนที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและสังเคราะห์ต่างๆ บนปลายแขนของพวกเขา ผลลัพธ์คือไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสของมนุษย์กับสิ่งทอและภาพการคายประจุโคโรนาและถือว่าไม่มีผลสรุป [21]
การวิจัยทางปรจิตวิทยา
[แก้]ในปี ค.ศ. 1968 เทลม่า มอสส์ (Thelma Moss) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ได้เป็นหัวหน้าสถาบันประสาทจิตเวชศาสตร์ (Neuropsychiatric Institute) (NPI) แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (UCLA) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันแซมอล (Semel Institute) สถาบัน NPI มีห้องปฏิบัติการที่อุทิศให้กับการวิจัยด้านปรจิตวิทยาและมีคณะทำงานเป็นอาสาสมัครซะเป็นส่วนใหญ่ ห้องปฏิบัติการไม่ได้รับเงินทุนและไม่ได้รับอนุญาตและท้ายที่สุดก็ถูกปิดโดยมหาวิทยาลัย เมื่อใกล้จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งที่ UCLA มอสส์เริ่มสนใจการถ่ายภาพเคอร์เลียน ซึ่งเป็นเทคนิคที่เชื่อกันว่าใช้วัด "ออร่า" (auras) (หรือ พลังหรือรัศมีที่ออกมาจากคน, สัตว์ หรือสิ่งของ) [22] ของสิ่งมีชีวิต ตามที่ เคร์รี่ เกย์นัวร์ (Kerry Gaynor) หนึ่งในผู้ช่วยวิจัยคนก่อนของเธอ ได้กล่าวไว้ว่า "หลายครั้งรู้สึกว่าผลลัพธ์ของการถ่ายภาพเคอร์เลียนนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ" [23]
ข้อกล่าวอ้างของภาวะนอกเหนือปรกติหรือเหนือธรรมชาติของการถ่ายภาพเคอร์เลียนไม่ได้รับการสังเกตการณ์หรือทำซ้ำในงานทดลองโดยชุมชนวิทยาศาสตร์ [24][25] นักสรีรวิทยา กอร์ดอน สไตน์ (Gordon Stein) เขียนว่าการถ่ายภาพเคอร์เลียนเป็นสิ่งหลอกลวง (hoax) ที่ "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความมีชีวิตชีวา หรืออารมณ์ของสิ่งที่ถูกถ่ายภาพ" [26]
ข้อกล่าวอ้าง
[แก้]เคอร์เลียนเชื่อว่าภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดยการถ่ายภาพแบบเคอร์เลียนอาจแสดงถึงสนามพลังงานหรือออร่าที่บางคนคิดว่ามีอยู่ล้อมรอบสิ่งมีชีวิต เคอร์เลียนและภรรยาของเขาเชื่อมั่นว่าภาพถ่ายของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงพลังชีวิตหรือสนามพลังงานที่สะท้อนถึงสภาวะทางกายภาพและอารมณ์ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตที่กำลังมีชีวิตอยู่ พวกเขาคิดว่าภาพเหล่านี้สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคได้ ในปี 1961 พวกเขาได้ตีพิมพ์บทความแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวารสารวิทยาศาสตร์และการถ่ายภาพประยุกต์ของรัสเซีย (Journal of Scientific and Applied Photography) [27] ข้อกล่าวอ้างของเคอร์เลียน ได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านการบำบัดรักษาด้วยพลังงาน [28]
การทดลองใบไม้ที่ฉีกขาด
[แก้]ในการสาธิตตัวอย่างที่ใช้เป็นหลักฐานถึงการมีอยู่ของสนามพลังงานเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพเคอร์เลียนของใบไม้ที่ถูกเก็บไว้ในช่วงเวลาที่กำหนด การที่ใบไม้ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงนั้นเชื่อกันว่าสอดคล้องกับการลดลงของพลังออร่า ในการทดลองบางครั้ง หากส่วนหนึ่งของใบไม้ถูกฉีกขาดออกไปหลังจากถ่ายภาพแรก บางครั้งภาพจางๆ ของส่วนที่หายไปก็ยังคงอยู่เมื่อถ่ายภาพเป็นครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม หากทำความสะอาดสิ่งปนเปื้อนและความชุ่มชื้นที่ตกค้างบนพื้นผิวที่สร้างภาพก่อนที่จะถ่ายภาพที่สอง ภาพของส่วนที่หายไปก็จะไม่ปรากฏขึ้น [29][30][31]
ทฤษฎีออร่าที่มีชีวิตถูกปฏิเสธอย่างน้อยเพียงบางส่วน โดยการแสดงให้เห็นว่าความชื้นของใบไม้มีผลอย่างเห็นได้ชัดต่อโคโรนาของการคายประจุไฟฟ้า ยิ่งความชื้นมีมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งสร้างการคายประจุโคโรนาที่มากขึ้นเท่านั้น [4] เมื่อใบไม้ขาดน้ำ โคโรนาจะลดลงตามความแปรปรวนและความเข้มข้นโดยธรรมชาติ เมื่อปริมาณน้ำในใบไม้เปลี่ยนแปลงไปอาจส่งผลต่อสิ่งที่เรียกว่าออร่าเคอร์เลียน การทดลองของเคอร์เลียนไม่ได้ให้หลักฐานของสนามพลังงานอื่นใดนอกจากสนามไฟฟ้าที่เกิดจากกระบวนการทางเคมีและกระบวนการไหลเวียนของการคายประจุโคโรนา [4]
การปล่อยประจุไฟฟ้าโคโรนาที่ระบุว่าเป็นออร่าเคอร์เลียนนั้นเป็นผลมาจากกระบวนการสร้างการแตกตัวเป็นไอออนไฟฟ้าแบบสุ่มและได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงแรงดันไฟฟ้าและความถี่ของสิ่งกระตุ้น แรงกดที่บุคคลหรือวัตถุสัมผัสพื้นผิวที่สร้างภาพ ความชื้นในบริเวณรอบๆ วัตถุที่กำลังสร้างภาพ พื้นดินที่บุคคลหรือวัตถุนั้นยืนหรือตั้งอยู่นั้นดีเพียงใด และปัจจัยในบริเวณอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสภาพนำไฟฟ้าของบุคคลหรือวัตถุที่กำลังสร้างภาพ น้ำมัน เหงื่อ แบคทีเรีย และสารปนเปื้อนไอออนอื่นๆ ที่พบในเนื้อเยื่อที่มีชีวิตอาจส่งผลต่อภาพที่ได้ด้วยเช่นกัน [32][33][34]
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Julie McCarron-Benson in Skeptical - a Handbook of Pseudoscience and the Paranormal, ed Donald Laycock, David Vernon, Colin Groves, Simon Brown, Imagecraft, Canberra, 1989, ISBN 0-7316-5794-2, p11
- ↑ Konikiewicz, Leonard W. (1978). Introduction to electrography: A handbook for prospective researchers of the Kirlian effect in biomedicine. Leonard's Associates.
- ↑ Lane, Earle (1975). Electrophotography. And/Or Press (San Francisco).
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 Boyers, David G. & Tiller, William A. (1973). "Corona discharge photography". Journal of Applied Physics. 44 (7): 3102–3112. Bibcode:1973JAP....44.3102B. doi:10.1063/1.1662715.
- ↑ Konikiewicz, Leonard W. and Griff, Leonard C. (1984). Bioelectrography, a new method for detecting cancer and monitoring body physiology. Leonard Associates Press (Harrisburg, PA).
{{cite book}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ Bankovskii, N. G.; Korotkov, K. G.; Petrov, N. N. (Apr 1986). "Physical processes of image formation during gas-discharge visualization (the Kirlian effect) (Review)". Radiotekhnika i Elektronika. 31: 625–643.
{{cite journal}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ Wisneski, Leonard A. and Anderson, Lucy (2010). The Scientific Basis of Integrative Medicine. ISBN 978-1-4200-8290-6.
{{cite book}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ Iovine, John (June 2000). "Kirlian Photography, Part Deux". Poptronics (16): 20.
- ↑ Iovine, John (May 2000). "Kirlian Photography: Part 1". Poptronics (15): 15.
- ↑ "Photographer Robert Buelteman Shocks Flowers With 80,000 Volts Of Electricity". Huffington Post. 23 July 2012. สืบค้นเมื่อ 22 August 2012.
- ↑ Blennerhassett, Patrick (9 March 2009). "Electrifying photography". Victoria News.
- ↑ Puente, Veronica (9 March 2009). "Photographer Dick Lane gets really charged up about his work". Fort Worth Star-Telegram.
- ↑ Stenger, Victor J. (1999). "Bioenergetic Fields". The Scientific Review of Alternative Medicine. 3 (1). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-03.
- ↑ Skrabanek, P. (1988). "Paranormal Health Claims". Cellular and Molecular Life Sciences. 44 (4): 303–309. doi:10.1007/bf01961267. PMID 2834214. S2CID 29310075.
- ↑ Pehek, John O.; Kyler, Harry J. & Faust, David L. (15 October 1976). "Image Modulatic Corona Discharge Photography". Science. 194 (4262): 263–270. Bibcode:1976Sci...194..263P. doi:10.1126/science.968480. PMID 968480.
- ↑ Korotkov K.G., Krizhanovsky E.V. et al. (2004) The Dynamic of the Gas Discharge around Drops of Liquids. In book: Measuring Energy Fields: State of the Science, Backbone Publ.Co., Fair Lawn, USA, pp. 103–123.
- ↑ Korotkov K., Korotkin D. (2001) Concentration Dependence of Gas Discharge around Drops of Inorganic Electrolytes, Journal of Applied Physics, 89, 9, pp. 4732–4737.
- ↑ Korotkov K. G., Kaariainen P. (1998) GDV Applied for the Study of a Physical Stress in Sportsmens, Journal of Pathophysiology, Vol. 5., p. 53, Saint Petersburg.
- ↑ Katorgin, V. S., Meizerov, E. E. (2000) Actual Questions GDV in Medical Activity, Congress Traditional Medicine, Federal Scientific Clinical and Experimental Center of Traditional Methods of Treatment and Diagnosis, Ministry of Health, pp 452–456, Elista, Moscow, Russia.
- ↑ Korotkov, Konstantin. "EPC/GDV CAMERA by Dr. Korotkov". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-16. สืบค้นเมื่อ 27 August 2012.
GDV CAMERA by Dr. Korotkov provides non-invasive, painless and almost immediate evaluation which can highlight potential health abnormalities prior to even the earliest symptoms of an underlying condition, and suggests courses of action
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCiesielska
- ↑ "มารู้จักออร่ากันเถอะ". medinfo.psu.ac.th. สืบค้นเมื่อ 2025-02-14.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อGreene
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSinger, Barry 1981 pp. 196-208
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อWatkins, Arleen J 1986
- ↑ Stein, Gordon. (1993). Encyclopedia of Hoaxes. Gale Group. p. 183. ISBN 0-8103-8414-0
- ↑ Pilkington, Mark (5 February 2004). "Bodies of light". The Guardian. London.
- ↑ Smith, Jonathan C. (2009). Pseudoscience and Extraordinary Claims of the Paranormal: A Critical Thinker's Toolkit. Chichester, UK: Wiley-Blackwell. p. 283. ISBN 978-1-4051-8122-8.
- ↑ แม่แบบ:Cite Encyclopedia of Claims
- ↑ Rachael Towne (2012-11-14). "What is Kirlian Photography? The Science and the Myth Revealed". Light Stalking.
- ↑ Rory Coker. "Kirlian Photography and the "Aura"". Department of Physics - University of Texas at Austin.
- ↑ Opalinski, John (Jan 1979). "Kirlian-type images and the transport of thin-film materials in high-voltage corona discharges". Journal of Applied Physics. 50 (1): 498–504. Bibcode:1979JAP....50..498O. doi:10.1063/1.325641.
- ↑ The Kirlian Technique: Controlling the Wild Cards. The Kirlian effect not only is explainable by natural processes; it also varies according to at least six physical parameters. Arleen J. Watkins and Williams S. Bickel, The Skeptical Inquirer 13:172–184, 1989.
- ↑ Carroll, Robert Todd (2003). The Skeptic's Dictionary: A Collection of Strange Beliefs, Amusing Deceptions, and Dangerous Delusions. Hoboken, NJ, USA: John Wiley & Sons. p. 446. ISBN 978-0-471-27242-7.
อ่านต่อ
[แก้]- Becker, Robert and Selden, Gary, The Body Electric:Electromagnetism and the Foundation of Life, (Quill/Williams Morrow, 1985)
- Krippner, S. and Rubin, D., Galaxies of Life, (Gordon and Breach, 1973)
- Ostrander, S. and Schroeder, L., Psi Discoveries Behind the Iron Curtain, (Prentice-Hall 1970)
- Iovine, John Kirlian Photography - A Hands on Guide , (McGraw-Hill 1993)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Kirlian Photography and the "Aura" เก็บถาวร 2014-07-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Dr. Rory Coker, Professor of Physics at the University of Texas at Austin
- Bioenergetic Fields เก็บถาวร 2016-05-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Victor J. Stenger, University of Hawaii at Manoa
- Dr. Ignatov's methodic for Color Coronal (Kirlian) spectral analysis เก็บถาวร 2014-07-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Sofia, Bulgaria
- Kirlian Effect in the Study of the Properties of Water, Oleg Mosin, Doctor in Chemistry